ดร.สุชัชวีร์ ชี้ไทยกำลังอยู่ใน “จังหวะเวลาประวัติศาสตร์” หากไม่เปลี่ยนวันนี้ ประเทศจะเสียโอกาสไปอีกหนึ่งรุ่น (19 ธ.ค. 68) ที่โรงแรม The Ritz – Carlton กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวใหม่ นำโดย ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรค แถลงวิสัยทัศน์ประเทศในงาน Thailand Vision 2026 เสนอกรอบแนวคิด “Quantum Leap Thailand” ชี้ชัดว่าประเทศไทยกำลังอยู่ใน “จังหวะเวลาประวัติศาสตร์” ที่ต้องตัดสินใจ หากยังพัฒนาด้วยวิธีเดิม ประเทศจะเสียโอกาสอีกครั้ง และอาจไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ในระยะยาว

ดร.สุชัชวีร์ ระบุว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศไม่ใช่เงินหรือเทคโนโลยี แต่คือ “เวลา” ซึ่งไม่สามารถซื้อเพิ่มหรือย้อนกลับได้ และในประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ จะมีเพียงไม่กี่ช่วงเวลาที่ต้องตัดสินเส้นทางอนาคตอย่างจริงจัง “คืนนี้ผมไม่ได้มาพูดการเมืองแบบเดิม ๆ แต่ผมมาพูดเรื่องอนาคตของประเทศ และเวลาที่เหลืออยู่ของประเทศไทย หากเราพลาดจังหวะนี้ เราอาจไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว”

ไทยเคยยืนจุดเดียวกับเกาหลีใต้–ไต้หวัน แต่หยุดไปนานเกิน
ดร.สุชัชวีร์ ย้อนภาพประวัติศาสตร์เศรษฐกิจว่า เมื่อกว่า 70 ปีก่อน ประเทศไทยเคยมีระดับการพัฒนาใกล้เคียงกับ เกาหลีใต้และไต้หวัน และเคยถูกมองว่าอาจเป็น “เสือตัวที่ห้าแห่งเอเชีย” แต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ประเทศไทยไม่เคยกลับไปยืนในจุดเดิมได้อีก

ขณะที่วันนี้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ดึงดูดการลงทุนสูง และมีแนวโน้มจะแซงไทยอย่างสมบูรณ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า หากไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง “สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ เราไม่ได้ด้อยกว่าใคร คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ประเทศไทยไม่เคยดึงศักยภาพของคนไทยออกมาได้เต็มที่ เพราะเราไม่กล้าเปลี่ยนโครงสร้างที่ควรเปลี่ยน”

หยุดเลือดที่ไหลออก ก่อนคิดจะโต หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ชี้ว่า ปัญหาเร่งด่วนที่สุดของประเทศในวันนี้ คือ การหยุดการเสื่อมถอย ไม่ใช่เพียงการตั้งเป้าการเติบโตบนกระดาษ เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญ “การไหลออก” พร้อมกันหลายด้าน ทั้งเงินลงทุน ความเชื่อมั่น คนเก่ง ทุน และโอกาส “ถ้าเราหยุดเลือดไม่ได้ ต่อให้พูดเรื่อง GDP โต 5% ก็เป็นแค่ตัวเลขในสไลด์”
การหยุดเลือด คือการทำให้ประเทศไทยกลับมามี แต้มต่อในการแข่งขัน ในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

โครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังตกยุค ดร.สุชัชวีร์ ยกตัวอย่างโครงสร้างตลาดทุนไทย เปรียบเทียบ “หุ้นชั้นนำของไทย” กับ “Magnificent 7” ของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความแตกต่างเชิงโครงสร้างอย่างชัดเจน ประเทศไทยยังพึ่งพาอุตสาหกรรมเดิมที่เติบโตใกล้เคียง GDP ประเทศ ขณะที่ประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนด้วย Big Tech, AI, Platform และเทคโนโลยีขั้นสูง ที่เติบโตแบบทวีคูณและขยายตลาดได้ทั่วโลก
“นี่ไม่ใช่ปัญหาของบริษัท แต่คือปัญหาของโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศ”

Quantum Leap Framework: ไทยจะโตเกิน 5% ได้อย่างไร
ดร.สุชัชวีร์ เสนอ “Quantum Leap Framework” เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่ GDP Growth มากกว่า 5% ต่อปีอย่างยั่งยืน โดยย้ำว่าเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องเร่ง 3 เครื่องยนต์ไปพร้อมกัน หากทำเพียงบางส่วน ประเทศจะยังติดอยู่ใน “ทรายดูด” โครงสร้างเดิม

1) Quantum Economy: เปลี่ยนวิธีโตของประเทศ
ก้าวข้าม New S-Curve สู่การเติบโตแบบทวีคูณ โดยใช้ AI, Data และ Platform เป็นตัวคูณ ออกแบบระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัวเองได้ ไม่ใช่เติบโตจากอุตสาหกรรมรายตัว
เสาหลักประกอบด้วย
• การลงทุนใน “สมองของประเทศ” (Data Platform, AI Sovereign Cloud)
• พลังงานสะอาดและมั่นคงเพื่อการแข่งขัน
• Strategic Industry Platforms ให้เอกชนเติบโตในระบบนิเวศที่เปิดกว้าง
• โครงสร้างการเงินเพื่อการลงทุนระยะยาว

2) โครงสร้างพื้นฐานใหม่
ลงทุนใน Spacetech, AI Transformation, Medical Intelligence และ Future Energy เพื่อให้รัฐตัดสินใจแม่นยำ ลดความสูญเสีย เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างเศรษฐกิจใหม่มูลค่าสูง

3) ทุนมนุษย์
Reset การศึกษาให้เด็กไทยมีทักษะ Digital–AI ภายใน 5 ปี Upskill แรงงานกว่า 20 ล้านคน และดึง Talent ต่างชาติ 1 ล้านคนใน 10 ปี เพื่อแข่งขันในสงครามสมองระดับโลก
คืนแต้มต่อให้ไทย และเรียก “เวลาของเรา” กลับมา
ดร.สุชัชวีร์ ปิดท้ายว่า Quantum Leap Thailand ไม่ใช่ความฝัน แต่คือ แผนออกแบบระบบประเทศ เพื่อให้ไทยหยุดเลือดและกลับมาเติบโตอย่างแท้จริง
“สิ่งที่เราขาดไม่ใช่ความเก่ง แต่คือระบบที่ปลดล็อกความเก่ง และความกล้าที่จะเปลี่ยน
ประเทศไทยไม่มีเวลาจะเสียอีกแล้ว และเราต้องเริ่มวันนี้”

พรรคไทยก้าวใหม่
พรรคไทยก้าวใหม่ มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เพื่อคืนแต้มต่อการแข่งขัน สร้างเศรษฐกิจอนาคต และเปิดโอกาสอย่างเป็นธรรมให้คนไทยทุกคน
